นอกเหนือจากการดูแลรักษาเครื่องอัดอากาศ(ปั๊มลม)ที่ทำกันเป็นประจำ
คือการเปลี่ยน กรองอากาศ กรองน้ำมัน กรองแยกลมออกจากน้ำมัน(air/oil separator) และน้ำมันเครื่องอัดอากาศ ซึ่งต้องทำเมื่อถึงระยะเวลาตามกำหนด
รวมถึงต้องตรวจเช็ครายวัน รายเดือนหรือรายปี
แต่สิ่งที่เราทำนี้เพียงเพื่อให้เครื่องให้เครื่องอัดอากาศ
อยู่ในสภาพพร้อมทำงานเท่านั้น
แต่มีเทคนิคที่จะช่วยลดการใช้พลังงานหรือช่วยลดค่าไฟที่เกิดจากการใช้ปั๊มลม เช่น
-
การปรับลดอุณหภูมิอากาศที่จะเข้าเครื่องอัดอากาศ หลายโรงงานเอาปั๊มลมไปไว้ในสภาพแวดล้อมไม่ดีมีความร้อนสูง
ทำให้อากาศรอบๆปั๊มลมมีความหนาแน่นน้อย
ปั๊มลมจึงต้องทำงานหนักเพื่อจะให้ได้ลมเพียงพอกับการใช้งาน จากการศึกษาของ
ผศ.ญาณวุฒิ สุพิชญางกูร พบว่าอุณหภูมิของอากาศขาเข้าที่ลดลง 3°C สามารถประหยัดพลังงานได้
1% และจะคืนทุนภายใน5ปี
-
การปรับลดการรั่วไหลของอากาศอัด หรือลมรั่วเป็นสิ่งที่เกิดกับทุกโรงงาน
โดยมาตรฐานการรั่วไหลของอากาศต้องไม่มากกว่า5%
แต่โรงงานทั่วไปจะมีการรั่วของอากาศมากกว่านี้
และจุดที่มักจะมีลมรั่วคือตามข้อต่อต่างๆ ที่มีการถอดเข้า-ออกบ่อยๆ มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี
ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาการรั่วไหลของอากาศอัดในโรงงานแห่งหนึ่ง
ซึ่งใช้ปั๊มลมลูกสูบ5ตัว ขนาด11kw มีการรั่วไหลของอากาศ11.98% หลังจากใช้เวลาแก้ไขสามเดือน
สามารถปรับลดการรั่วไหลเหลือเพียง 5.01% ทำให้สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้
16.403.9 kwh/ปี
-
การปรับลดความดันอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งาน โรงงานทั่วไปมักจะตั้งความดันของเครื่องอัดอากาศให้สูงไว้ก่อน
ซึ่งการตั้งความดันอากาศของปั๊มลมสูงเกินความจำเป็นในการใช้งาน
จะเป็นการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า และยังส่งผลให้ปริมาณอากาศที่ผลิตออกมาต่ำลงอีกด้วย
และการลดความดันของเครื่องอัดอากาศลง1บาร์ จะสามารถประหยัดพลังงานได้ 7-13%
-
ปรับปรุงท่อเมนส่งอากาศ
แรงดันอากาศที่ส่งไปตามท่อเมนอาจเกิดการสูญเสียความดัน
ความเร็วของอากาศในท่อเมนไม่ควรเกิน 6เมตร/วินาที ถ้ามีการเพิ่มเครื่องอัดอากาศ
ควรเพิ่มขนาดท่อหรือจำนวนท่อส่งอากาศ หรือถ้าจุดใช้งานอยู่ไกลจากเครื่องอัดอากาศ
ควรเพิ่มถังพักลมในบริเวณใช้งาน
-
นำความร้อนทิ้งกลับมาใช้
-
ใช้มอเตอร์ที่ปรับความเร็วรอบได้(variable speed drive)
i'>ใช้ระบบควบคุมอัตโนมัติ
No comments:
Post a Comment